Last updated: 7 เม.ย 2565 | 1237 จำนวนผู้เข้าชม |
มีการยืนยัน จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ว่ากระทรวงสาธารณสุขกำลังเตรียมการยกเลิกสิทธิคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสำหรับผู้ติดเชื้อ โควิด-19
ทำให้เกิดความกังวล ในวงกว้างว่า หากติดโควิดจะสามารถได้รับการรักษาฟรีที่โรงพยาบาลทุกแห่งเหมือนตลอด 2 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ เมื่อความกังวลขยายตัวในวงกว้าง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณะสุขหลายคนจึงออกมาอธิบาย รวมทั้งเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บริหารจัดการนโยบาย “ เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิ์ทุกที่” หรือ ที่เรียกสั้นสั้นว่า “ยูเซ็ป” (Universal Coverage for Emergency Patients - USEP) ได้ออกมาให้ข่าวว่าอาจจะเลื่อนการยกเลิกสิทธิ์คุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินสำหรับโควิด 19 ออกไปก่อนจากวันที่ 1 มีนาคม ไปเป็นวันที่ 1 เมษายน
โดยนายอนุทิน ได้ออกมายืนยันอีกครั้งก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (15 ก.พ.) ว่าการยกเลิกสิทธิ์ยูเซ็ป สำหรับผู้ป่วย โควิด-19 ว่า” ไม่ใช่ยกเลิกไม่ดูแลผู้ป่วยโควิด” นายอนุทินกล่าวว่าไม่มีใครเสียสิทธิ์ในการเข้ารับการรักษาพยาบาลแต่การรักษาจะต้องเป็นไปตามสิทธิ์การรักษาพยาบาล และยังระบุว่าผู้ป่วยโควิดที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินสามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ในช่วง 72 ชั่วโมงแรก จากนั้นจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ หากใครอยากได้รับความสะดวกสบายก็ไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองก็เป็นเรื่องปกติ
“ยูเซ็ป” คืออะไร ?
สปสช. อธิบายว่า ยูเซ็ป เป็นสิทธิ์การรักษาตามนโยบายของรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแผนที่ใกล้ที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงโดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย ตามเกณฑ์ของ สปสช. ผู้ป่วยที่ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิยูเซ็ป คือผู้ป่วยที่มีอาการ 6 ประเภทที่เข้าข่ายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้แก่
-หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
-หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
-ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น
-เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
-แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
-อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
หากพบอาการที่เข้าข่ายเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก็สามารถโทร 1669 เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ซึ่งจะมีสิทธิ์ทุกที่โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
ติดโควิดยังรักษาฟรีหรือไม่?
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ให้คำตอบว่า ผู้ติดเชื้อโรค โควิด-19 จะยังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นโรงพยาบาลของรัฐที่ตามสิทธิ์การรักษาของแต่ละคน เช่น สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือสิทธิ์บัตรทอง สิทธิ์ประกันสังคม หรือสิทธิ์รักษาพยาบาลของข้าราชการ แต่หากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง “ ยังเป็นการรักษาฟรีตามสิทธิ์ต่างๆแต่ก็แน่นอนครับ ถ้าท่านประสงค์จะไปรักษาที่ไม่เป็นโรงพยาบาลตามสิทธิ์ ก็เป็นเรื่องที่ท่านจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง” นพ.ธเรศ กล่าว
ถ้าอาการหนักแผนกฉุกเฉินยังรับรักษาหรือไม่?
จากการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ยูเซ็ป มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันในทุกกรณี ดังนั้นผู้ป่วยโรค โควิด-19 ที่อาการวิกฤตก็ยังเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้เช่นเดิม โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการและระดับความฉุกเฉินว่าผู้ป่วยรายนั้นนั้นเข้าข่ายที่จะใช้สิทธิ์หรือไม่ และยังอธิบายเพิ่มเติมว่าทันทีที่เกิดการระบาดใหญ่ของ โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศให้ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ได้รับสิทธิ์ยูเซ็ป เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่สถานพยาบาลให้มากที่สุด เพราะในขณะนั้นข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ยังมีน้อยมาก แต่ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนจากการ “ เอาคนไข้ทุกคนมาอยู่ที่โรงพยาบาล” แต่จะสำรองเตรียมไว้สำหรับผู้ป่วยอาการหนักเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณเดินไปตรวจหาเชื้อโคล วิทท์ 19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วผลเป็นบวก คุณจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้อีกแล้ว ยกเว้นว่าจะมีอาการฉุกเฉินวิกฤตตามเกณฑ์ของ สปสช.
ผู้ป่วยโควิดยังเคลมประกันเอกชนได้หรือไม่?
เป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยคือหากโรค โควิด-19 ถูกปลดออกจากสิทธิ์ยูเซ็ปแล้ว ผู้ป่วยจะยังสามารถเคลมประกันสุขภาพที่ซื้อไว้กับบริษัทเอกชนได้หรือไม่ โดย นพ.ธเรศ อธิบายว่าการเบิกจ่ายจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ส่วนปัญหาที่ผู้ป่วย โควิด-19 บางรายร้องเรียนว่าไม่สามารถเคลมประกันได้เนื่องจากบริษัทประกันอ้างว่ากรมธรรม์ไม่คุ้มครองผู้ที่รักสาตัวที่บ้านนั้น นพ.ธเรศ กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขจะตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) “ ผู้ป่วย โควิด-19 ที่เข้าระบบการรักสาตัวที่บ้านถือว่าเป็นผู้ป่วยในที่ได้ออกแบบไว้ ก็จะมีสิทธิ์ในกรมธรรม์ที่ได้รับการชดเชย” นพ.ธเรศกล่าว
สมาคมประกันชีวิตไทยได้ชี้แจงข้อปฏิบัติสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ โควิด-19 ของบริษัทประกันชีวิต จะต้องมีความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
-เมื่อมีอาการไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
-หายใจเร็วกว่า 25 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่
-Oxygen Saturation น้อยกว่า 94%
-มีโรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของแพทย์
-สำหรับในเด็ก หากมีการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง
แพทย์ด่านหน้ามีความเห็นอย่างไร
ประธานชมรมแพทย์ชนบทให้ความเห็นต่อการเตรียมการยกเลิกสิทธิ์สำหรับผู้ป่วย โควิด-19 อาการไม่วิกฤตว่าเหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว ถึงแม้ว่าแนวโน้มในการติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์โอมีครอน ในช่วงที่ผ่านมาจะมีจำนวนสูงขึ้นแตะหลักหมื่น แต่ในส่วนของอัตราผู้เสียชีวิตยังถือว่าไม่สูงมาก ขณะที่อัตราการครองเตียงผู้ป่วยหนักถือว่าไม่สูงเช่นกัน ข้อมูลจากศูนย์บริการสถานการณ์โควิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ระบุว่า จำนวนเตียงผู้ป่วยระดับสีแดงหรือระดับสามทั้งประเทศไทยไปเพียง 12.1% นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ยังกล่าวอีกว่าเมื่อประเมินสถานการณ์การแพทยระบาดของเชื้อโอมิครอนแล้ว การยกเลิกสิทธิ์การรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตแล้วให้ไปใช้สิทธิ์ตามหลักประกันสุขภาพของแต่ละบุคคล ถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ที่ความต้องการใช้เตียงผู้ป่วยหนักมีไม่มากและอาการป่วยส่วนใหญ่ก็ไม่รุนแรง และสามารถรักสาตัวได้เองที่บ้านหรือศูนย์กับตัวของชุมชน
ติดต่อนำเข้าสินค้าจากจีนมาไทย
บริษัท ไทยฮัวโฟร์ยู จำกัด
เวลาทำงาน จันทร์- เสาร์ 8.00-17.00น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ
เบอร์มือถือ 083 090 4009 หรือ 02 101 9701
Facebook: thaihau4u
Line@: @thaihua4u
Email: thaihua4u@gmail.com
Wechat: thaihua4u-1 (ติดต่อคุณต่าย)
QQ: 3243949479 (ติดต่อคุณต่าย)
Tel: 083 090 4009 และ 02 101 9701 (ออฟฟิตไทย)
Tel: +86 18019528780 (Miss Wang ออฟฟิตจีน)
Tel: +86 18257834681 ( Mr.Lu โกดังจีน)